วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


สถานการณ์สำคัญ
ในคริสต์ศตวรรษที่21
        โลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคที่โลกมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อันสืบเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ของทุกภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกันส่งผลทำให้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ชาติโดยรวมในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ดังตัวอย่างต่อไปนี้

การก่อการร้าย เมื่อวันที่11 กันยายน ค.ศ. 2001
         การก่อการร้าย  หมายถึง การใช้ความรุนแรงหรือขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เพื่อเปลี่ยนแปลงผลของกระบวนการทางการเมืองบางประการ ผู้ก่อการอาจเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศหรือเป็นสมาชิกองค์กรใต้ดินต่างๆ โดยจุดมุ่งหมายของการก่อการร้ายกล่าวอย่างกว้างๆ มี 2 ประการ ประการที่หนึ่ง คือ เพื่อแสดงออกซึ่งความไม่พอใจในสิ่งที่ตนเผชิญอยู่ประการที่สอง  คือ เพื่อเรียกร้องความสนใจและสร้างให้เกิดความกลัวขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีทางด้านข่าวสารพัฒนาก้าวหน้าไปมาก กลุ่มผู้ก่อการร้ายสามารถใช้สื่อสารมวลชนช่วยกระจายความต้องการหรือข้อเรียกร้องของตนออกไปอย่างกว้างขวาง ทำให้ประชาชนและผู้ปกครองต้องหันมาสนใจและเกิดความกลัวขึ้นมาว่าหากไม่ ทำตามคำเรียกร้องกลุ่มก่อการร้ายก็อาจจะก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาได้
         การก่อการร้ายที่ สร้างความเสียหายครั้งสำคัญในคริสต์ศตวรรษที่ 21 คือ เหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน  ค.ศ. 2001 ที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้จี้บังคับเครื่องบินโดยสารภายในประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 4 ลำ พุ่งชนอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ รัฐนิวยอร์ก และพุ่งชนอาคารเพนตากอน ที่ทำการกระทรวงกลาโหม รัฐวอชิงตัน ดี.ซี. ผลปรากฏว่าอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถล่มทั้งสองอาคาร ส่วนอาคารเพนตากอนเสียหายอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิตประมาณ 3,000 คน และทรัพย์สินถูกทำลายเสียหายมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา รวมทั้งขวัญกำลังใจของชาวอเมริกันตกต่ำลงเนื่องจากเกิดความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยอันมาจากการถูกโจมตีภายในประเทศของตนเป็นครั้งแรก
         จากเหตุการณ์การก่อการร้ายนี้  นักวิชาการส่วนใหญ่ต่างวิเคราะห์สาเหตุของเหตุการณ์ว่าน่าจะมาจากการที่ สหรัฐอเมริกาเป็นชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกมาตลอดตั้งแต่ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศในลักษณะแผ่ขยายอำนาจไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนตะวันออกกลางที่มีทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ คือ น้ำมัน ด้วยการแทรกแซงและสนับสนุนการก่อตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นในดินแดนปาเลสไตน์ใน ค.ศ. 1948 จากนั้นสหรัฐอเมริกาก็ดำเนินนโยบายสนับสนุนอิสราเอลมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการทำสงครามกับกลุ่มประเทศอาหรับ การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ ขณะเดียวกันก็ให้การสนับสนุนรัฐบาลของประเทศอาหรับที่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกา การกระทำเช่นนี้สร้างความไม่พอใจให้กับหมู่ ชาวอาหรับซึ่งเห็นว่าสหรัฐอเมริกามีนโยบายคุกคามกลุ่มประเทศอาหรับและต้องการเข้ามามีอำนาจในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ การแทรกแซงของสหรัฐอเมริกาในภูมิภาคนี้นำมาซึ่งความขัดแย้งนับครั้งไม่ถ้วนของประเทศต่างๆ หลายครั้ง นอกจากนี้ความขัดแย้งรุนแรงที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ก่อการร้ายที่เป็นมุสลิมมีเป้าหมายในการทำสงครามเพื่อศาสนาหรือการทำจิฮัด (Jihad) ต่อต้านสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร โดยเฉพาะอิสลาเอลให้ออกไปจากดินแดนปาเลสไตน์ รวมทั้งต่อต้านประเทศมุสลิมที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา อย่างเช่นซาอุดีอาระเบีย
         การที่สหรัฐอเมริกาถูกโจมตีด้วยการถล่มตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ สัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจและอาคารเพนตากอน ที่ทำการกระทรวงกลาโหม สัญลักษณ์ทางการทหารของสหรัฐอเมริกานั้นนับเป็นปฏิกิริยาที่มีต่อบทบาทของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกาในฐานะชาติมหาอำนาจและเป็นศูนย์กลางระบบทุนนิยมโลก
         สหรัฐอเมริกาไม่สามารถยอมให้เหตุการณ์การก่อการร้ายนี้ผ่านไปโดยหาผู้รับผิดชอบไม่ ได้ ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาเชื่อว่าการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของขบวนการอัล  เคดาหรืออัล กออิดะห์ ที่ มีนายอุซามะ บิน ลาเดน (Usama Bin Ladin) เป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาจึงได้ประกาศสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายและพร้อมจะทำลายกลุ่มองค์กรเหล่านี้รวมทั้งรัฐบาลที่ ให้แหล่งพักพิงและสนับสนุนการก่อการร้าย ดังนั้นสังคมโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 21 จึงก้าวเข้าสู่สงครามต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ทั้งนี้การก่อการร้ายระหว่างประเทศนอกจากจะเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาแล้ว ยังคงเกิดขึ้นตามจุดต่างๆทั่วโลก ประเทศต่างๆ ตระหนักว่ากลุ่มก่อการร้ายเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ปฏิบัติการเคลื่อนไหวผ่านเครือข่ายที่ กระจายอยู่ ทั่วโลก จึงเกิดการตื่นตัวในการร่วมมือป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายระหว่างประเทศ เช่น ประเทศมหาอำนาจโดยเฉพาะสหภาพยุโรป รัสเซีย และจีนกลายเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายและทำสงครามโค่นล้มรัฐบาลของประเทศอัฟกานิสถาน โดยอ้างถึงความกดขี่ ในด้านการปกครองและการสนับสนุนการทำสงครามกับอิรัก เพราะไม่ต้องการสนับสนุนการดำเนินนโยบายแบบฝ่ายเดียวกับสหรัฐอเมริกาขณะเดียวกันกลุ่มก่อการร้ายก็ทำการก่อวินาศกรรมต่อต้านสหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตรอย่างเช่นอังกฤษและออสเตรเลีย  ด้วยการก่อวินาศกรรมทำลายชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น เช่นเหตุการณ์การก่อการร้ายระเบิดสถานบันเทิงในเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนตุลาคมค.ศ. 2002 ที่มีผู้เสียชีวิต 202 คนและบาดเจ็บกว่า 300 คน เป็นต้น



ความขัดแย้งทางศาสนา
       ความขัดแย้งทางศาสนาเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นง่ายและรุนแรง เนื่องจากผู้นับถือศาสนาแบบยึดมั่นถือมั่นจะเห็นว่าศาสนาหรือลัทธิที่ตนนับถือดีกว่าของผู้อื่นละไม่ยอมรับคนต่างศาสนาต่างลัทธิ ทั้งนี้เพราะคนเหล่านั้นมีพื้นฐานความเชื่อต่างกันและตีความศาสนาไปตามความเชื่อของตน และวางรูปแบบการดำรงชีวิตแตกต่างกันออกไปตามที่ตนเชื่อถือ ซึ่งความยึดมั่นถือมั่นนี้เองทำให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นมา ส่วนใหญ่ความขัดแย้งทางศาสนามักจะมีความรุนแรง และพร้อมจะสละชีวิตเพื่อความยึดมั่นของตน ดังที่ปรากฏเป็นสงครามทางศาสนาหรือสงครามครูเสดระหว่างชาวคริสตเตียนกับชาวอิสลามในสมัยโบราณ เป็นต้น ทั้งนี้ความขัดแย้งทางศาสนาเกิดขึ้นได้ทั้งในศาสนาต่างศาสนาและศาสนาเดียวกัน ความขัดแย้งทางศาสนาที่สำคัญมีดังนี้
         1. ความขัดแย้งระหว่างศาสนา ตัวอย่างเช่น ความขัดแย้งทางศาสนาในประเทศอินเดีย เป็นความขัดแย้งระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิมจนแยกเป็นประเทศปากีสถานใน ค.ศ. 1947 ซึ่งเดิมปากีสถานรวมเป็นดินแดนเดียวกับอินเดียและอยู่ภายใต้การปกครองอังกฤษ และก่อนที่อินเดียจะได้รับเอกราช ชาวมุสลิมในอินเดียก็ร่วมกันเรียกร้องที่จะแยกประเทศเนื่องจากความแตกต่างระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางการเมืองที่ผู้นับถือศาสนาอิสลามหรือชาวมุสลิมที่มีจำนวนน้อยกว่าผู้ที่นับถือศาสนาฮินดู ทำให้ชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศที่ ได้รับสิทธิทางการเมืองน้อย หรือความแตกต่างทางศาสนาที่ชาวมุสลิมนับถือพระเจ้าองค์เดียว ส่วนชาวฮินดูนับถือพระเจ้าหลายองค์ รวมทั้งความแตกต่างทางสังคมที่ชาว124 หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.4-6 ประวัติศาสตร์สากลมุสลิมเชื่อว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกัน แต่สังคมชาวฮินดูมีระบบวรรณะ เป็นต้น จากเหตุผลดังกล่าวปัญหาระหว่างชาวมุสลิมและชาวฮินดูก็เพิ่มมากขึ้นจนถึงขั้นปะทะกันอย่างรุนแรง ในที่สุดอังกฤษจึงให้เอกราชกับอินเดียและปากีสถานเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1947 แต่ภายหลังจากมีการจัดตั้งเป็นประเทศแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถานก็ไม่ราบรื่นนัก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพรมแดน ปัญหาแคว้นแคชเมียร์ และการแข่งขันการสะสมและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงกันข้าม นอกจากนี้ความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมกับชาวฮินดูในอินเดียก็ยังคงดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
       2. ความขัดแย้งภายในศาสนาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น
             1)ความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมในประเทศปากีสถาน ที่นำไปสู่การแยกเป็นประเทศปากีสถานกับบังกลาเทศเมื่อ ค.ศ. 1971 โดยมีสาเหตุสำคัญ 2 ประการ ประการที่หนึ่งมาจากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แยกปากีสถานออกเป็น 2 ส่วน คือ ปากีสถานตะวันตกและปากีสถานตะวันออกโดยมีอินเดียคั่นกลาง ส่วนอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ ความไม่พอใจในความไม่เท่าเทียมกันเนื่องจากประชากรในปากีสถานตะวันออกส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดของประเทศปากีสถาน แต่รัฐบาลกลับให้ความสนใจในการพัฒนาปากีสถานตะวันตกมากกว่า ชาวปากีสถานตะวันออกจึงพยายามที่จะแยกตัวออกมา รัฐบาลปากีสถานจึงส่งกองทหารเข้าปราบปราม ทำให้ชาวปากีสถานตะวันออกหลบหนีไปอาศัยอยู่ในอินเดีย โดยที่รัฐบาลปากีสถานกล่าวโจมตีอินเดียว่าให้การสนับสนุนแก่ชาวปากีสถานตะวันออก อย่างไรก็ตาม ในที่สุดปากีสถานตะวันออกก็สามารถแยกประเทศได้สำเร็จและจัดตั้งประเทศใหม่ในชื่อว่า บังกลาเทศ
             2) ความขัดแย้งระหว่างอิรักและอิหร่าน มีสาเหตุสำคัญ ได้แก่
                 - ปัญหาเรื่องเขตแดน  ได้แก่ การแย่งชิงสิทธิเหนือร่องน้ำอัล อาหรับซึ่งเป็นเขตแดนตอนใต้ระหว่างอิรัก-อิหร่าน และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ คือ เป็นที่ตั้งท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดและสถานีส่งน้ำมันที่สำคัญ รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำมันของอิหร่านด้วย
                 - ปัญหาชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวเขาในอิรัก อิหร่าน และซีเรีย ที่ ได้พยายามเรียกร้องการปกครองตนเองมาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะในอิรักที่มีชาวเคิร์ดอาศัยอยู่ จำนวนมาก ที่ มีความแตกต่างจากอิรักทั้งเชื้อชาติและศาสนาแม้จะเป็นมุสลิมเหมือนกันแต่ก็นับถือกันคนละนิกาย โดยชาวอิรักนับถือนิกายชีอะห์ ส่วนชาวเคิร์ดนับถือนิกายสุหนี่ ทั้งนี้ชาวเคิร์ดมักใช้วิธีการก่อจราจลและการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธโดยได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึ่งทางอิรักก็ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง
                 - ความขัดแย้งระหว่างผู้นำประเทศ  ภายหลังที่อิหร่านโค่นล้มสถาบันกษัตริย์และเปลี่ยนการปกครองเป็นสาธารณรัฐอิสลาม ที่มี อยาโตลลาห์ โคไมนี เป็นผู้นำประเทศอิหร่าน และนำหลักศาสนาอิสลามมาใช้ในการปกครองประเทศ หลายประเทศในตะวันออกกลางเกรงว่าอิหร่านจะเผยแพร่แนวคิดรัฐอิสลามไปยังประเทศของตนและอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางการเมือง ทำให้อิรักที่มีพรมแดนติดกับอิหร่านและมีความขัดแย้งกันมานานแล้วยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยโคไมนีพยายามเรียกร้องให้ชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่มีจำนวนร้อยละ65 ของชาวอิรักทำการโค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดีซัดดัม อุสเซน ซึ่งเป็นชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ ที่พยายามจะขยายอำนาจเข้ามาในอิหร่าน จากความขัดแย้งของทั้งสองประเทศส่งผลให้เกิดการปะทะกันตาม พรมแดนและทวีความรุนแรงมากขึ้น กลายเป็นสงครามยืดเยื้อ เนื่องจากอิรักได้รับการสนับสนุนอาวุธจากสหรัฐอเมริกา ส่วนอิหร่านได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซียจนกระทั่งองค์การสหประชาชาติและประเทศที่เป็นกลางพยายามเจรจาและยุติสงครามใน ค.ศ. 1988

ปัญหาโรคระบาด
ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 นี้ได้เกิดเหตุการณ์ทางด้านโรคติดต่อร้ายแรงหลายชนิดที่คุกคามมนุษยชาติ ส่งผลต่อความสูญเสียชีวิตของมนุษย์และสัตว์ปีกที่เป็นอาหารของมนุษย์ นอกจากนี้ยังสูญเสียงบประมาณในการรักษาและป้องกัน รวมทั้งภาพรวมทางเศรษฐกิจโดยรวมด้วย โรคติดต่อร้ายแรงในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ที่จะกล่าวถึง ได้แก่ โรคเอดส์ โรคไข้หวัดมรณะ โรคไข้หวัดนก และโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009
        โรคเอดส์
           โรคเอดส์ (Acquired Immuno Deficiency Syndrome: AIDS) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่วงการแพทย์เรียกกันว่า Human Immuno Deficiency Virus หรือไวรัส ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของมนุษย์บกพร่อง ซึ่งนิยมเรียกกันย่อๆ ตามอักษรตัวแรกของชื่อไวรัสนี้ในภาษาอังกฤษวิ่ง เอชไอวี(HIV) เมื่อเชื้อไวรัส เอชไอวีเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์แล้ว จะมีการฟักตัวอยู่ระยะเวลาหนึ่ง บางครั้งอาจใช้เวลานานหลายปีโดยไม่ได้แสดงอาการผิดปกติใดๆ ต่อมาไวรัสก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เสื่อมลงเรื่อยๆ ในที่สุดร่างกายก็ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อโรคใดๆ ทำให้ติดเชื้อโรคอื่นๆ เช่น ปอดบวม วัณโรค มะเร็งบางชนิด ปอดอักเสบสมออักเสบ แทรกตามมาได้ง่ายและจะปรากฏอาการของโรคเอดส์ขึ้นมา
       โรคไข้หวัดมรณะ
         ไข้หวัดมรณะหรือซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า SARS-associated coronvirus (SARS-CoV) และจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกเชื่อว่าเชื้อไวรัสที่น่าจะเป็นสาเหตุของไข้หวัดมรณะ คือ เชื้อไวรัสที่มีชื่อว่าโคโรนาไวรัส (Corona Virus) ซึ่งเชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดโรคได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ เมื่อใดที่ต้องออกมาอยู่ภายนอกร่างกายก็จะถูกทำลายลงได้ง่าย โดยทั่วไปจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง และหากอยู่ ในบริเวณที่มีแสงแดด ความร้อนและรังสียูวีในแสงแดดจะทำลายเชื้อโรคภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง  นอกจากนี้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ใช้ในบ้านหรือสำนักงานทั่วไปก็สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ด้วยเช่นกัน
         ไข้หวัดมรณะหรือโรคซาร์สได้เริ่มคุกคามมนุษย์และแพร่ระบาดมากใน ค.ศ. 2003 โดยประเทศที่ ได้รับเชื้อไข้หวัดมรณะรุนแรง ได้แก่ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน แคนาดา ฮ่องกง และเวียดนาม ทั้งนี้การติดต่อของโรคไข้หวัดมรณะสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เนื่องจากจะมีเชื้อแพร่ออกมากับน้ำมูก เสมหะ และน้ำลายของผู้ป่วย เมื่อเวลาไอหรือจาม เมื่อ      ผู้อยู่ใกล้สูดดมหรือหายใจเข้าไปจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อผ่านมากับสิ่งของเครื่องใช้ เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดมือ ช้อน หลอดดูดน้ำ เป็นต้น เมื่อใครได้รับเชื้อโรคหวัดมรณะแล้วจะมีระยะการฟักตัว 2-7 วัน หลังจากนั้นจะมีอาการเป็นไข้ ไอแห้งๆ เจ็บหน้าอก หอบ ในรายที่ป่วยหนักจะต้องใช้เครื่องหายใจเข้าช่วย ส่วนการรักษานั้น ยังไม่มียารักษาโรคโดยตรง บางรายต้องให้ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัส ตามอาการ ไข้หวัดมรณะจึงถือเป็นมหันตภัยร้ายแรงที่คุกคามมนุษย์ในปัจจุบัน ซึ่งประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างเฝ้าระวังในการแพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศของตนเพื่อปกป้องชีวิตของประชาชนอย่างเต็มที่
        โรคไข้หวัดนก
      ไข้หวัดนก (Avian Influenza) ในภาษาอังกฤษเรียกโรคนี้กันอีกชื่อหนึ่งว่า Bird Flu ซึ่งมีผู้แปลเป็นภาษาไทยและใช้กันอย่างแพร่หลายว่า โรคไข้หวัดนก โดยแปลคำว่านกมาจากคำว่า bird ในภาษาอังกฤษนั่นเอง แต่ที่จริงแล้วคำว่า bird ในภาษาอังกฤษไม่ ได้หมายถึงเฉพาะนกเท่านั้น แต่หมายถึงสัตว์ปีกอื่นๆ ด้วย
          ไข้หวัดนกเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ Avian Influenza Type A เป็นสายพันธุ์ที่พบในนกซึ่งเป็นแหล่งโรคในธรรมชาติ ที่พบมาก ได้แก่ นกเป็ดน้ำ นกอพยพ และนกตามธรรมชาติ การติดต่อในหมู่สัตว์ติดต่อได้โดยเชื้อไวรัสถูกขับถ่ายออกมาทางอุจจาระของนกและติดต่อสู่สัตว์ปีกที่ ได้รับเชื้อทางระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหาร โดยปกติโรคนี้จะติดต่อสู่คนได้ยาก แต่คนที่สัมผัสหรือใกล้ชิดกับสัตว์ที่เป็นโรคอาจติดเชื้อได้ มีรายงานการเกิดโรคนี้ในคนเป็นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1997 ที่ฮ่องกง เป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสสัตว์ปีก และจากการเฝ้าระวังโรคพบว่ายังไม่มีการติดต่อระหว่างคนสู่คน ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรค ได้แก่ ผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวกับสัตว์ปีกและผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ปีก ได้แก่ ผู้เลี้ยง ผู้ฆ่า ผู้ขนส่ง ผู้ขนย้าย ผู้ขายสัตว์ปีกและซากสัตว์ปีก สัตวบาล และสัตวแพทย์ รวมถึงเด็กๆ ที่เล่นและคุกคลีกับสัตว์ด้วย

ภาวะเรือนกระจก
       ภาวะเรือนกระจก (Greenhouse Effect)หมายถึง การที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และ
ก๊าซอื่นๆ สะสมพอกพูนมากขึ้นในบรรยากาศ ระดับต่ำ โดยที่ ยอมให้แสงแดดหรือแสงอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ผ่านไปยังพื้นโลกได้บางส่วน ขณะเดียวกันก็ได้เก็บความร้อนส่วนหนึ่งไว้ ทำให้โลกกลายสภาพเป็นเสมือนเรือนกระจกขนาดมหึมา ส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
        การเกิดภาวะเรือนกระจกมีหลายสาเหตุ ทั้งสาเหตุจากธรรมชาติ อันได้แก่ การเน่าเปื่อยของซากพืชและซากสัตว์ การระเบิดของภูเขาไฟและไฟป่าทำให้เกิดควันจำนวนมาก และสาเหตุจากมนุษย์ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การเผาไหม้ของถ่านหิน น้ำมัน การใช้ปุ๋ยไนโตรเจน การทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ เป็นต้น จนทำให้เกิดก๊าซต่างๆ เช่น ก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น
        ผลกระทบจากภาวะเรือนกระจกมีทั้งผลกระทบต่อมนุษย์และสภาพแวดล้อมต่างๆ ในส่วนผลกระทบต่อมนุษย์นั้น เช่น เกิดการขาดแคลนอาหารและดื่ม หรือเกิดโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง โรคสายตา ปัญหาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง เป็นต้น ส่วนผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น ปริมาณน้ำในทะเลและมหาสมุทรสูงขึ้นจากการละลายของธารน้ำแข็งขั้วโลก ทำให้บางพื้นที่อาจถูกน้ำท่วม ทำให้สภาพดินฟ้าอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไป บริเวณที่เคยมีฝนตกชุกอาจกลายเป็นบริเวณที่แห้งแล้ง บริเวณที่เคยหนาวอาจจะร้อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกไม่อาจปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ จนเกิดผลเสียหายอย่างรุนแรง เป็นต้น
        แม้ว่าความร้อนจากภาวะเรือนกระจกจะมีผลกระทบและเป็นอันตรายต่อโลกมนุษย์และ  สิ่งมีทั้งหลายในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันภาวะเรือนกระจกก็ได้ส่งผลกระทบต่อโลกบ้างแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบขั้วโลกใต้หรือทวีปแอนตาร์กติที่มีน้ำแข็งปกคลุมตลอดปี โดยจะทำให้ธารน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกใต้ละลายเร็วกว่ากำหนด ทั้งนี้เมื่อ ค.ศ. 2001 องค์การนาซาของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้สำรวจพบว่าความหนาของธารน้ำแข็งไพน์ไอซ์แลนด์ (Pine Island)        ทะวาอิทส์ (Thwaites) และสมิท (Smith) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดสามแห่งในทวีปแอนตาร์กติกาเริ่มลงขนาดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณที่ใกล้กับทะเลอามุนด์เซน(Amundsen) ซึ่งธารน้ำแข็งดังกล่าวไม่สามารถคงสภาพเดิมไว้ได้ แม้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้  แต่คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน นอกจากธารน้ำแข็งในบริเวณขั้วโลกใต้เริ่มละลายแล้ว ปรากฏว่าธารน้ำแข็งหรือหิมะในบริเวณภูเขาสูงๆ ทั้งในทวีปยุโรป เอเชีย และแถบตอนเหนือของประเทศแคนาดาซึ่งอยู่ติดกับขั้วโลกเหนือ ก็เริ่มละลายด้วยเช่นกันดังนั้นหากประเทศต่างๆ ยังไม่ร่วมกันรีบแก้ไขปัญหาภาวะเรือนกระจก อาจก่อให้เกิดภาวะน้ำท่วมขนาดใหญ่อย่างฉับพลัน  พื้นที่ต่ำบางแห่งอาจถูกน้ำท่วมจมหายใต้ท้องทะเล ทำให้พื้นที่อยู่อาศัยและที่ ทำกินมนุษย์ลดลงไปเรื่ อยๆ รวมทั้งสัตว์บางชนิดที่ อาศัยในบริเวณนั้นเสียชีวิตหรือสูญพันธุ์ได้